1. เราสามารถจำแนกการจัดการแฟ้มข้อมูลออกเป็นกี่แบบ
อะไรบ้าง
ตอบ 2 แบบ ดังต่อไปนี้
1.
1 การจัดแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ (Sequential
File Organization) เป็นวิธีการจัดเก็บและรวบรวมระเบียน (Record)
ของข้อมูลมูลตามลำดับก่อนหลัง โดยจัดเรียงจากน้อยไปหามาก
หรือจากมากไปหาน้อย โดยผู้ใช้จะต้องเรียกข้อมูลตามลำดับที่จัดไว้
วิธีการจัดการแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับเหมาะกับงานที่มีระยะเวลาในการประมูลผลค่อนข้างแน่นอน
และต้องใช้ข้อมูล ปริมาณมากในการประมวล
ซึ่งการจัดแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับมีข้อดีดังต่อไปนี้
-
ช่วยให้งานออกแบบแฟ้มข้อมูลง่าย
-
สะดวกต่อการออกแบบและประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการประมวลผลข้อมูลในปริมาณมาก
-
ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์
-
เสียเวลาในการดำเนินงาน
-
ข้อมูลไม่ทันสมัยหรือไม่เป็นไปตามความจริง
-
ต้องจัดลำดับข้อมูลที่ต้องการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะมีการนำไปแก้ไขแฟ้มข้อมูล
2.1
การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่ม (Randon File
Organization) เป็นวิธีการจัดรวบรวมระเบียบข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยตรง
และไม่ต้องผ่านระเบียบอื่นตามลำดับก่อนหลัง
การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่มทำให้การใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลไม่มาก
นอกจากนี้การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่มจะมีข้อดีดังต่อไปนี้
-
การเข้าถึงข้อมูลสะดวกและรวดเร็ว
-
สะดวกในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย
-
มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับงานที่ต้องการประมวลผลแบบโต้ตอบ
-
ข้อมูลมีโอกาสผิดพลาดและสูญหาย
-
การเปลี่ยนแปลงจำนวนระเบียนจะทำได้ลำบากกว่าวิธีเรียงลำดับ
-
มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีสูง
2.
จงอธิบายความหมาย ตลอดจนข้อดีและข้อจำกัดของการจัดการแฟ้มข้อมูลแบบสุ่ม
ตอบ การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่ม (Randon File Organization) เป็นวิธีการจัดรวบรวมระเบียบข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยตรง
และไม่ต้องผ่านระเบียบอื่นตามลำดับก่อนหลัง
การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่มทำให้การใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลไม่มาก
นอกจากนี้การจัดแฟ้มข้อมูลแบบสุ่มจะมีข้อดีดังต่อไปนี้
-
การเข้าถึงข้อมูลสะดวกและรวดเร็ว
-
สะดวกในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย
-
มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับงานที่ต้องการประมวลผลแบบโต้ตอบ
-
ข้อมูลมีโอกาสผิดพลาดและสูญหาย
-
การเปลี่ยนแปลงจำนวนระเบียนจะทำได้ลำบากกว่าวิธีเรียงลำดับ
-
มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีสูง
3.
ฐานข้อมูลคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
ตอบ ฐานข้อมูล (Database)
หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีแบบแผน ณ
ที่ใดที่หนึ่งในองค์การ เพื่อที่ผู้ใช้จะสามารถนำข้อมูลมาประมวลผล
และประยุกต์ใช้งานตามที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.
เราสามารถจำแนกแบบจำลองโครงสร้างข้อมูลเชิงตรรกะออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
1.
แบบจำลองการจัดข้อมูลเชิงลำดับขั้น
2.
แบบจำลองการจัดข้อมูลแบบเครือข่าย
3.
แบบจำลองการจัดข้อมูลเชิงสัมพันธ์
5.
จงเปรียบเทียบประโยชน์ในการใช้งานของแบบจำลองโครงสร้างข้อมูลแต่ละประเภท
ตอบ 1. แบบจำลองการจัดข้อมูลเชิงลำดับขั้น
มีประโยชน์แสดงโครงสร้างข้อมูลที่มีมีความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหลาย
2.
แบบจำลองการจัดข้อมูลแบบเครือข่าย
มีประโยชน์เป็นแบบจำลองโครงสร้างข้อมูลที่แสดงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่าแบบจำลองเชิงลำดับขั้น
3.
แบบจำลองการจัดข้อมูลเชิงสัมพันธ์
มีประโยชน์ในการจำลองโครงสร้างข้อมูลที่แสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลในรูปแบบตาราง 2
มิติ ซึ่งแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์แสดงความสัมพันธ์ที่อยู่ในตารางเดียวกัน
หรือตารางที่มีความเกี่ยวข้องกันอีกด้วย
6.
ระบบจัดการฐานข้อมูลคืออะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
ตอบ ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management Systems DBMS) หมายถึงชุดคำสั่งซึ่งทำหน้าที่สร้าง ควบคุม และดูแลระบบฐานข้อมูล
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูล คัดเลือกข้อมูล
และสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ DBMS จะทำหน้าที่เสมือนตัวกลางระหว่างชุดคำสั่งสำหรับการใช้งานต่างๆ
กับหน่วยเก็บข้อมูล ซึ่ง DBMS ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักที่สำคัญอยู่
3 ส่วนดังต่อไปนี้
1.
ภาษาสำหรับนิยมข้อมูล
2.
ภาษาสำหรับการใช้ข้อมูล
3.
พจนานุกรมข้อมูล
7.
จงอธิบายความหมายและประโยชน์ของพจนานุกรมข้อมูล
ตอบ พจนานุกรมข้อมูล
เป็นเครื่องมือที่จัดเรียบเรียงความหมาย
และอธิบายลักษณะที่สำคัญของข้อมูลในฐานข้อมูลที่เข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นระบบและระเบียบ
เพื่อให้ง่ายต่อการค้นคว้าและนำไปใช้อ้างอิงในอนาคต
เนื่องจากอาจมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูล เปลี่ยนแปลงผู้บริหารฐานข้อมูล หรือเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
โดยพจนานุกรมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบจัดการข้อมูล
เพราะจะช่วยให้สามารถศึกษาและทำความเข้าใจระบบได้ง่ายขึ้น
8.
นักบริหารฐานข้อมูลมีหน้าที่สำคัญอะไรบ้าง
ตอบ 1. กำหนดและจัดระเบียบโครงสร้างฐานข้อมูล
2.
พัฒนาขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยฐานข้อมูล
3.
จัดทำหลักฐานอ้างอิงของระบบฐานข้อมูล
4.
ดูแลรักษาระบบฐานข้อมูลให้ทำงานอย่างปกติ
5.
ประสานงานกับผู้ใช้
9.
เหตุใดบางองค์การจึงต้องมีหัวหน้างานด้านสารสนเทศ (CIO) และ CIO มีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างไร
ตอบ ปัจจุบันหลายองค์การได้มีการจัดหน่วยงานทางด้านฐานข้อมูลขององค์การขึ้นตรงต่อผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบด้านสานสนเทศ
เช่น รองประธานบริษัท ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้างานด้านสารสนเทศ
10.
จงอธิบายแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศฐานข้อมูลในอนาคต
ตอบ การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์
เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง
โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น